โรคอีสุกอีใส (Varicella)

โรคอีสุกอีใส  เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัส Varicella-Zoster Virus (VZV) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคงูสวัด โรคนี้พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในเด็ก แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกช่วงอายุ อีสุกอีใสมีลักษณะเด่นคือการเกิดผื่นแดงคล้ายตุ่มน้ำทั่วร่างกาย ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทางการหายใจหรือการสัมผัสกับตุ่มน้ำที่แตก

 

โรคอีสุกอีใสจะเริ่มต้นด้วยอาการคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย และเจ็บคอ จากนั้นประมาณ 1-2 วัน

จะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ผื่นเหล่านี้จะพัฒนาเป็นตุ่มน้ำใสๆ ตุ่มน้ำจะค่อยๆ แห้งและตกสะเก็ดภายใน 1-2 สัปดาห์ การกระจายของตุ่มจะเริ่มจากลำตัวและใบหน้า จากนั้นจึงลามไปตามแขนขาและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ในบางรายอาจมีอาการคันมาก

 

แม้ว่าโรคอีสุกอีใสมักพบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนในทุกช่วงอายุ ปัจจุบันกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการป่วยมากที่สุดคือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส

ซึ่งรวมถึงเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยได้รับวัคซีน และผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน

นอกจากนี้ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน หรือผู้ที่รักษาด้วยเคมีบำบัด ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคและมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

โรคอีสุกอีใสแพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยไวรัสสามารถแพร่กระจายผ่านละอองในอากาศ

เมื่อผู้ติดเชื้อไอหรือจาม รวมถึงการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวจากตุ่มน้ำ การแพร่เชื้อสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 1-2 วันก่อนที่ผื่นจะปรากฏ และต่อเนื่องจนกว่าตุ่มน้ำทั้งหมดจะกลายเป็นสะเก็ด

 

การป้องกันโรคอีสุกอีใสที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการได้รับวัคซีน วัคซีนป้องกันอีสุกอีใสได้รับการแนะนำให้ใช้ในเด็กเล็ก และผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่เคยเป็นโรคมาก่อน

 

การฉีดวัคซีนสามารถลดโอกาสในการป่วยและลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมาก

การรักษาโรคอีสุกอีใสส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ เช่น การใช้ยาลดไข้ ยาบรรเทาอาการคัน และการดื่มน้ำให้เพียงพอ ในกรณีที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) เพื่อช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของโรค

แม้ว่าโรคอีสุกอีใสจะเป็นโรคที่มีอาการไม่รุนแรงในเด็ก แต่ในผู้ใหญ่ โรคนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ปอดบวม การติดเชื้อแบคทีเรียในผิวหนัง และการอักเสบของสมองได้

นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยด้วยโรคอีสุกอีใสยังมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ เช่น การเกิดความพิการแต่กำเนิด

ในปัจจุบัน การให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสและการรักษาที่ถูกต้องสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดและลดความรุนแรงของโรค

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   alpha888