ผัก 3 ชนิดที่ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง

มะเร็งเป็นโรคร้ายที่สร้างความวิตกกังวลให้กับคนทั่วโลก การดูแลสุขภาพด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าสารอาหารสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ ผัก 3 ชนิด ได้แก่ **กระหล่ำม่วง มะเขือเทศ และแครอท** เป็นตัวอย่างที่ดีของอาหารที่มีสารอาหารสำคัญ

ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง มาดูกันว่าแต่ละชนิดมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

  1. กระหล่ำม่วง

กระหล่ำม่วงจัดเป็นผักตระกูลกะหล่ำที่อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สารนี้ช่วยป้องกันการอักเสบและลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้ กระหล่ำม่วงยังมีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane)

huaylike เติมเงินไม่เข้า     ที่พบได้ในผักตระกูลกะหล่ำทุกชนิด โดยสารนี้ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งใหม่และส่งเสริมการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย อีกทั้งกระหล่ำม่วงยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่

  1. มะเขือเทศ

มะเขือเทศเป็นแหล่งสำคัญของไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงมะเร็ง

โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร ไลโคปีนช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในร่างกาย มะเขือเทศยังมีวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการเกิดเซลล์มะเร็ง

การรับประทานมะเขือเทศในรูปแบบปรุงสุก เช่น ซุปมะเขือเทศหรือซอสมะเขือเทศ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้น

  1. แครอท

แครอทเป็นแหล่งของเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะอาหาร เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติในการป้องกันการเกิดความเสียหายของ DNA

และช่วยกำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายในร่างกาย นอกจากนี้ แครอทยังมีสารฟาลคารินอล (Falcarinol) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง แครอทยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพผิวหนัง

 

การบริโภคที่เหมาะสม

การรับประทานผัก 3 ชนิดนี้ในปริมาณที่เหมาะสมและหลากหลาย เช่น นำมาปรุงในสลัด น้ำผักปั่น หรือผัดผักรวม ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการปรุงด้วยน้ำมันหรือไขมันมากเกินไป เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการของผักไว้ให้ได้มากที่สุด

 

สรุป

การรับประทานกระหล่ำม่วง มะเขือเทศ และแครอทเป็นประจำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารอาหารที่มีคุณสมบัติเด่นในการต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง

การใส่ใจในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคและสร้างชีวิตที่ยืนยาว

ทำบ้านทั้งที บันไดที่คุณเลือกเหมาะกับบ้านหรือไม่

รวมไอเดียเลือกจัดทำออกแบบบันไดบ้านแบบอย่างต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความเก๋ไก๋ให้กับบ้าน สำหรับบ้านที่มี 2 ชั้นขึ้นไป

มักเผชิญกับปัญหากที่มีความคิดว่าบันไดบ้านของพวกเรานั้นอยู่ผิดที่ถูกทาง

หรือมีความคิดขึ้นมาว่าหากบันไดบ้านพวกเราอยู่อีกแบบหนึ่งคงดีมากยิ่งกว่านี้ โดยเหตุนี้ในแนวทางการวางแบบแล้วก็วางแผนผังบ้านควรจะให้ความเอาใจใส่กับส่วนของบันไดด้วย

ด้วยเหตุว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องใช้งานบันไดอันนี้ไปอีกนานอย่างยิ่งจริง ๆ ก็จะต้องมีการออกแบบบันไดที่ดีด้วย 

แนะนำไอเดียบันไดบ้านต้นแบบต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความสวยงานให้บ้าน

บันไดแบบเบสิก (single flight) เป็นแบบบันไดทางตรง โดยไม่มีการเลี้ยวโค้งอะไรก็ตามเป็นอีกต้นแบบบันไดที่ประยุกต์ใช้บ่อยครั้ง เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่น้อยแคบ พื้นที่ใต้บันไดสามารถใช้ประโยชน์ได้อีก ได้แก่ เก็บของ หรือทำเป็นชั้นที่มีไว้วางหนังสือก็เก๋ดี

แม้กระนั้นต้องระมัดระวัง แม้บ้านหลังไหนที่มีเพดานสูง หรือมากยิ่งกว่า 2 ขึ้นไป ควรจะทำระเบียงพักเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสำหรับในการใช้งานด้วย

 

บันไดรูปตัวแอล (L-Shaped stair) บันไดรูปแบบนี้เหมาะสมกับบ้านที่ออกจะมีพื้นที่จำกัดด้วยเหมือนกัน โดยถ้าหากวางบันไดในแบบเบสิกอาจก่อให้มีพื้นที่ไม่พอ หรือเปลี่ยนเป็นบันไดที่ชันเหลือเกิน

เมื่อใช้งานบางทีอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ก็เลยมีมุมของบันไดที่หัก 90 องศาเพื่อเบี่ยงไปอีกทาง แม้กระนั้นไม่ทำให้เสียความเกี่ยวเนื่องสำหรับเพื่อการใช้งาน เหมือนกันพื้นที่ใต้บันไดลักษณะนี้ก็สามารถใช้งานได้เหมือนกัน

บันไดแบบหักกลับ (Return stair) บันไดแบบหักกลับแบบ ส่วนใหญ่จะเข้ากับทุกบ้านทุกสไตล์และเจอได้บ่อย โดยมากจะเจอได้กับบ้านทั่ว ๆ ไป เนื่องมาจากเหมาะสมกับบ้านทุกแบบอย่าง

บันไดโค้ง ทั้งนี้มันจะเหมาะสมกับบ้านที่มีพื้นที่กว้างพื้นที่เหลือๆ  มักตั้งอยู่ที่โถงกลางบ้าน สามารถเปิดมุมมองของผู้ใช้งานได้ 380 องศา แม้กระนั้นบันไดลักษณะนี้จะไม่มีพื้นที่ใต้บันไดไว้ใช้งาน

บันไดวน อย่างนี้เหมาะสมกับบ้านที่มีพื้นที่ไม่เยอะ เพราะมันจะไม่ต้องใช้พื้นที่มาก และไม่นิยมใช้บันไดอย่างนี้เป็นบันไดหลักของบ้าน

จะตั้งไว้ตามจุดที่อยากให้มีบันได แต่ว่ามีพื้นที่น้อยนั่นเอง ส่วนมากอาจมีไว้โชว์ออกแบบที่งามแทนที่จะใช้งาน

บันไดลิง บันไดลักษณะนี้ไม่เหมาะสมจะใช้เป็นบันไดหลัก แม้กระนั้นเหมาะสมจะเป็นบันไดเสริมแทน เช่น บันไดขึ้น-ลงยังห้องเก็บของใต้หลังคา ฯลฯ ไม่รับประทานพื้นที่ และไม่ควรจะสูงเกิน 4 เมตร เพราะเหตุว่าจะทำให้เป็นอันตรายต่อการใช้งาน

 

ได้รับการสนับสนุนจาก    หวยดีพลัส

หากคุณฉี่ออกมาเป็นเลือด เป็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับอะไร

การปัสสาวะออกมาเป็นเลือดหรือที่เรียกว่า ภาวะเลือดในปัสสาวะ  เป็นสัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งออกมาเพื่อบอกถึงปัญหาสุขภาพบางประการ การมีเลือดในปัสสาวะสามารถบ่งบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงภาวะรุนแรง ในบางกรณี

การปัสสาวะเป็นเลือดอาจไม่ได้อันตรายมาก แต่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุของปัสสาวะเป็นเลือด

  1. การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTI)  

   การติดเชื้อแบคทีเรียที่กระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะสามารถทำให้เกิดอาการปัสสาวะเป็นเลือดได้ ซึ่งมักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะบ่อย แสบขณะปัสสาวะ และปวดบริเวณท้องน้อย

  1. นิ่วในไตหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ 

   นิ่วเกิดจากการสะสมของแร่ธาตุที่กลายเป็นก้อนแข็ง ซึ่งสามารถเคลื่อนตัวไปตามระบบทางเดินปัสสาวะ เมื่อนิ่วขยับไปตามทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและมีเลือดออกในปัสสาวะได้

  1. โรคไต 

   การอักเสบหรือการติดเชื้อในไต เช่น ไตอักเสบ  สามารถทำให้เลือดหลุดออกมาปนกับปัสสาวะได้ นอกจากนี้ ภาวะไตที่เสื่อมจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือการติดเชื้อไวรัสบางชนิดอาจทำให้เลือดออกในปัสสาวะ

  1. การบาดเจ็บที่ไตหรือกระเพาะปัสสาวะ  

   การได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลังส่วนล่างหรือท้อง เช่น อุบัติเหตุหรือการกระแทกแรงๆ สามารถทำให้เลือดออกจากไตหรือกระเพาะปัสสาวะและส่งผลให้ปัสสาวะมีเลือดปน

  1. มะเร็ง 

   ในบางกรณี การปัสสาวะเป็นเลือดอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็ง เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งไต หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก** ซึ่งในระยะแรกๆ อาจไม่มีอาการอื่น แต่หากพบเลือดในปัสสาวะเป็นประจำ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

  1. ยาบางชนิด  ยาบางประเภท เช่น ยาแก้อักเสบ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยารักษามะเร็ง อาจทำให้เกิดภาวะเลือดในปัสสาวะได้เนื่องจากผลข้างเคียงของยา

การที่ปัสสาวะมีเลือดอาจเป็นสัญญาณของโรคที่อันตรายได้ โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม การละเลยอาการปัสสาวะเป็นเลือดอาจทำให้ปัญหาทางสุขภาพลุกลาม เช่น การติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด การมีนิ่วในไตหรือมะเร็งที่ไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะร้ายแรง

การแก้ไขและรักษา

  1. การไปพบแพทย์  

   สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุของการปัสสาวะเป็นเลือด แพทย์อาจทำการตรวจปัสสาวะ การตรวจเลือด การทำอัลตราซาวนด์ หรือการส่องกล้องเพื่อดูโครงสร้างภายใน

  1. การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ 

   – หากเป็นการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะ

   – หากเป็นนิ่วในไต แพทย์อาจให้ยาช่วยขับนิ่วหรือในบางกรณีอาจต้องผ่าตัด

   – หากเป็นมะเร็ง การรักษาอาจรวมถึงการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือรังสีรักษา

การที่ฉี่ออกมาเป็นเลือดเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่าในบางกรณีอาจไม่ร้ายแรง แต่การละเลยอาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

เบื่อไหมกับการอ้วนลงพุง เอวห่วงยาง

อาการอ้วนลงพุง หรือที่เรียกกันว่า “เอวห่วงยาง” เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุเพิ่มขึ้น แต่ยังสามารถเกิดได้ในคนทุกเพศทุกวัย หากไม่ดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องความมั่นใจในรูปร่างเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคไขมันพอกตับ

การที่รอบเอวขยายใหญ่จนเหมือนมีห่วงยางเป็นสัญญาณเตือนว่า ร่างกายของคุณกำลังสะสมไขมันไว้บริเวณช่องท้อง ซึ่งเป็นชนิดไขมันที่อันตรายที่สุดเพราะจะไปล้อมรอบอวัยวะสำคัญต่างๆ

 

สาเหตุของการอ้วนลงพุง

  1. การรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูงเกินไป 

อาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารแปรรูปเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะไขมันที่พุง การรับประทานอาหารแบบไม่สมดุลหรือขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จะทำให้การเผาผลาญลดลงและมีการสะสมพลังงานเกิน

 

  1. ขาดการออกกำลังกาย 

การไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเพียงพอทำให้พลังงานที่ได้รับจากอาหารไม่ถูกเผาผลาญ ส่งผลให้ร่างกายสะสมพลังงานเหล่านี้ในรูปของไขมัน ยิ่งอายุมากขึ้น การเผาผลาญในร่างกายก็ยิ่งลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการมีไขมันสะสมที่พุงได้ง่ายขึ้น

 

  1. ปัจจัยด้านอายุและฮอร์โมน  

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันลดลง โดยเฉพาะในเพศหญิงที่มีการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนหลังหมดประจำเดือน ส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันที่บริเวณหน้าท้องได้ง่าย

 

  1. ความเครียด  

ความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณช่องท้อง อีกทั้งยังอาจทำให้คนหันไปพึ่งพาอาหารเป็นการผ่อนคลาย ส่งผลให้เกิดการรับประทานอาหารเกินความจำเป็น

 

  1. การนอนหลับไม่เพียงพอ 

การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้น้อยลงและสะสมไขมันมากขึ้น

วิธีการแก้ไข

  1. ควบคุมอาหาร การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ครบถ้วนแต่ให้พลังงานต่ำ
  2. การออกกำลังกายช่วยในการเผาผลาญ และควรเสริมด้วยการฝึกเวทเทรนนิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ
  3. การผ่อนคลายจากความเครียดสามารถช่วยลดการสะสมไขมันได้ วิธีการจัดการความเครียดที่แนะนำคือ การนั่งสมาธิ โยคะ หรือการหากิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบ
  4. การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้การนอนให้เป็นเวลาและหลีกเลี่ยงการนอนดึกก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไขมันสะสมที่พุง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

3 ข้อควรระวังในการเล่นกีฬาเอ็กสตรีม

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ในสมัยปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหนก็ตามรวมไปจนถึงกีฬาเอ็กซ์ตรีมถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมกีฬาที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความท้าทาย ตื่นเต้น หวาดเสียว จึงทำให้กีฬาประเภทนี้เป็นกีฬาที่ มีความอันตรายค่อนข้างสูง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กีฬาเอ็กซ์ตรีมยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยปัจจุบันนี้

เพราะเป็นกีฬาที่มีประโยชน์ สามารถสร้างความตื่นเต้นเร้าใจและช่วยบรรเทาความเครียดให้กับใครหลายๆคนได้เป็นอย่างดี

แต่ทว่า สำหรับใครที่กำลังเป็นมือใหม่ที่อยากจะเริ่มต้นเล่นกีฬาเอ็กสตรีม ขอบอกเลยว่าการเรียนรู้หรือการศึกษา ขั้นพื้นฐานของกีฬาไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเพราะจะทำให้เรานั้นได้กีฬาได้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด

ฉะนั้น  alpha88 ทางเข้า     หากใครที่อยากเริ่มต้นเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูข้อควรระวังในการเล่นกีฬาประเภทนี้จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

1.การตรวจเช็คอุปกรณ์ทุกครั้ง

เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงและมีความอันตรายค่อนข้างสูงก่อนที่เราจะเริ่มต้นเล่นกีฬาประเภทนี้สิ่งที่เราควรจะตรวจเช็คให้ดีเลยก็คืออุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย

เพราะหากเรา มีอุปกรณ์ที่ไม่พร้อมใช้งานนอกจากจะทำให้การเล่นกีฬาไม่มีประสิทธิภาพแล้วยังอาจเกิดความเสี่ยงและเกิดความอันตรายต่อชีวิตของเราได้

 

2.การมีความพร้อมทางด้านจิตใจ

นอกจากร่างกายของเราจะมีความพร้อมในการเล่นกีฬาเป็นอย่างดีแล้วรู้หรือไม่ว่าอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเลยก็คือสุขภาพจิตของเราย่อมต้องมีความพร้อมไปด้วย

เพราะหากเรามีร่างกายที่พร้อม แต่จิตใจของเราไม่พร้อมก็อาจจะทำให้การเล่นกีฬาไม่มีประสิทธิภาพได้ สิ่งที่เราควรจะระวังเลยก็คือ การมีสุขภาพจิตใจที่ดี และมีความพร้อมที่จะเล่นกีฬาเพื่อให้การเล่นกีฬามีประสิทธิภาพ

 

3.ไม่ควรฝืนร่างกาย

อย่างที่เราทราบกันดีว่ากีฬาเอ็กซ์ตรีมเป็นกีฬาที่มีความตื่นเต้นท้าทาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีความพร้อมของร่างกาย เพื่อให้การเล่นกีฬาเกิดประโยชน์สูงที่สุด

แต่หากใครที่อยากเล่นกีฬาแต่ร่างกายไม่พร้อมเราก็ไม่ควรที่จะไปฝืนร่างกายเพราะอาจจะทำให้เราเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการเล่นกีฬาได้นั่นเอง ฉะนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามการที่เรามีสุขภาพร่างกายที่พร้อมจะเล่นกีฬา

หรือพร้อมที่จะทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเพื่อให้การเล่นกีฬานั้นเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพได้มากที่สุด

ผลกระทบที่คนไทยจะได้รับจากนักลงทุนชาวจีน 

      เมื่อพูดถึงเรื่องของการลงทุน หลายคนอาจมีแนวความคิดว่าถ้าหากมีนักลงทุนจากชาวต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยก็จะสามารถสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

ให้มีความแข็งแกร่งคนไทยจะได้มีงานทำและมีอนาคตที่ดีมีค่าใช้จ่ายรวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นแต่ในขณะเดียวกันคุณรู้หรือไม่ว่าการที่มีชาวต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยนั้นกลับไม่ได้ส่งผลดีอย่างเดียวแต่ยังมีผลกระทบอื่นๆอีกมากมาย

และในบทความนี้เราจะมาพูดถึงผลกระทบที่คนไทยจะได้รับถ้าหากว่านักลงทุนชาวจีนมาทำธุรกิจค้าขายในประเทศไทยผลกระทบที่จะส่งผลเสียกับคนไทยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

 ในสมัยแรกเริ่มเดินทีนั้นชาวจีนไม่ได้มีการลงทุนในประเทศไทยได้หลากหลายเหมือนในปัจจุบันนี้ซึ่งส่วนใหญ่ในเริ่มแรกนั้นคนจีนมักลงทุนด้วยการหาซื้อคอนโดรวมถึงอสังหาริมทรัพย์หลังจากนั้นก็จะมีการเปิดให้เช่าทำให้คนจีนมีรายได้และกำไรจากการเปิดให้เช่าคอนโดและอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตามการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันนี้มีการเปิดเอื้ออำนวยให้กับนักลงทุนชาวจีนเป็นอย่างมาก

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตามศูนย์เศรษฐกิจของไทยในกรุงเทพฯไม่ว่าจะเป็นโซนห้วยขวางหรือโซนเยาวราชก็ตามแต่จะมีชาวจีนมาซื้อตึกแถวรวมถึงคอนโดหลังจากนั้นก็เปิดขายในราคาที่ค่อนข้างสูง

เนื่องจากว่าตอนซื้อนั้นคนจีนก็ซื้อตึกแถวในราคาสูงนั่นเองจะเห็นได้จากในอดีตนั้นค่าเช่าตึกแถวต่อเดือนนั้นจะอยู่ที่เดือนละเพียงแค่ 15,000 บาท

แต่เมื่อนักลงทุนชาวจีนมาทำการซื้อตึกแถวและมีการปล่อยให้เช่าราคาตึกแถวนั้นกับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันนั้นถ้าหากเป็นแหล่งเศรษฐกิจอย่างเช่นสำเพ็งหรือเยาวราชค่าเช่าต่อเดือนของห้องเช่าหรืออาคารพาณิชย์ตึกแถวนั้นจะอยู่ที่ 500,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว

หรือถ้าหากอยู่แถวย่านพระราม 9 หรือเขตห้วยขวางนั้นราคาเช่าต่อเดือนตอนนี้ก็จะตกอยู่ที่ประมาณ 70,000-100,000 บาทนั่นเองซึ่งในอนาคตเชื่อว่าราคาค่าเช่าอาคารพาณิชย์ต่างๆบริเวณเศรษฐกิจทั้งหมดในกรุงเทพฯก็อาจจะกลายเป็น 3 แสนถึง 5 แสนบาทได้เลยทีเดียว

ดังนั้นด้วยยอดราคาค่าเช่าที่สูงแบบนี้ทำให้คนไทยนั้นไม่มีเงินทุนมากพอที่จะมีการเช่าตึกแถวแถวที่เป็นแหล่งการค้าได้ 

ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้นักธุรกิจชาวจีนมาทำการเช่าตึกแถวและมีการเปิดธุรกิจเป็นของตนเองไม่ว่าจะเป็นการเช่าอาคารพาณิชย์เพื่อเปิดเป็นร้านอาหารหรือเปิดเป็นร้านค้าก็ตามและเชื่อว่าถ้าหากว่ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอนาคตไม่น่าจะเกิน 10 ปี

นี้เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครน่าจะเป็นคนจีนเกือบทั้งหมดและคนไทยนั้นก็จะไม่มีร้านค้าเป็นของตนเองไม่สามารถที่จะเช่าตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ย่านการค้าที่สำคัญได้และบริเวณย่านการค้าที่สำคัญนี้ก็จะกลายเป็นสถานที่ที่คนจีน

จะเข้ามาอาศัยอยู่และกลืนกลิ่นประเทศไทยและนี่คือผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ที่คนไทยจะได้รับหากยังคงมีการปล่อยให้คนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    คาสิโนดานัง

โทรศัพท์มือถือใช้ได้กี่ปีก่อนที่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ 

           เชื่อว่าหลายคนคงเกิดความสงสัยว่าเมื่อเราซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องนึงมาใช้งานแล้วจะสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวได้นานกี่ปีกว่าที่โทรศัพท์มือถือจะหมดอายุการใช้งานและเราจำเป็นที่จะต้องเสียเงินซื้อเครื่องใหม่

ซึ่งในบทความนี้เราจะมีการพูดถึงเรื่องของอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือกัน

          สำหรับโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนั้นมีมากมายหลายยี่ห้อเลยทีเดียวซึ่งมีทั้งยี่ห้อที่มีราคาแพงหลักหลายหมื่นบาทหรือแม้แต่ยี่ห้อที่มีราคาถูกหลักพันหลัก 100 บาทก็มีและแต่ละแบนแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปยิ่งถ้าโทรศัพท์มือถือมีราคาแพงมากอายุการใช้งานก็จะมากตามไปด้วยอย่างเช่นโทรศัพท์มือถือบางรุ่นนั้น

สามารถใช้งานได้ประมาณ 4-5 ปีก็จะเสื่อมคุณภาพลงแต่ถ้าเราดูแลดีก็สามารถที่จะยืดอายุการใช้งานโทรศัพท์มือถือดังกล่าวได้นานถึง 10 ปีเลยก็มีเช่นกัน 

         อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้งานแล้วอยากใช้เครื่องเก่าเครื่องเดิมของตนเองเพราะรักมากและไม่อยากมีการเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆแนะนำว่าคุณต้องทำรายการดังต่อไปนี้ในการพิจารณาการซื้อโทรศัพท์มือถือ แต่ละครั้ง 

        ก่อนที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือนั้นควรจะต้องมีการเช็คข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของอายุของแบตเตอรี่เพราะปัจจัยหลักสำคัญของการใช้โทรศัพท์มือถือนอกจากชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แล้วแบตเตอรี่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก

เพราะถ้าหากแบตเตอรี่เสื่อมเร็วอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือก็จะลดลงตามไปด้วย

          ซึ่งโดยปกติแล้วแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือยี่ห้อทั่วๆไปก็จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปีแต่ถ้าหากว่าเราดูแลรักษาแบตเตอรี่มือถือเป็นอย่างดี ไม่ใช้งานแบตเตอรี่จนหมดแล้วค่อยชาร์จใช้งานให้เหลือ 20% แล้วสามารถชาร์จได้และไม่ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ให้ใช้เพียงแค่ 80% แล้ว

ถอดแบตเตอรี่มาใช้งานวิธีการนี้ก็จะสามารถเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพช้าลงได้เช่นเดียวกัน 

           นอกจากนี้การจะซื้อเครื่องนั้นก็ควรจะต้องมีการตรวจสอบสเปคของเครื่องด้วยเพราะถ้าหากว่าสเปคน้อยก็อาจจะทำให้เครื่องอื่นและเครื่องช้าได้ดังนั้นควรจะซื้อเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มีสเปคมากซื้อโทรศัพท์มือถือเล่นที่มีการการันตีว่าสเปคแรง

ซึ่งถ้าหากสเปคเครื่องแรงเป็นเวอร์ชั่นใหม่อายุการใช้งานก็จะสามารถใช้งานได้นาน 4-5 ปีเลยทีเดียว 

           อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากที่มีการซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้วนั้นก็ควรจะต้องมีการอัพเดทระบบปฏิบัติการซึ่งโดยปกติแล้วโทรศัพท์บางรุ่นนั้นจะมีการอัพเดทเวอร์ชั่นให้ 2 ปีครั้งหรือ 3 ปีครั้งแต่ถ้าหากว่าโทรศัพท์มีปัญหาเรื่องระบบความปลอดภัยตัวระบบปฏิบัติการก็อาจจะมีการอัพเวอร์ชั่นบ่อย

ซึ่งเราควรจะต้องอัพทุกครั้งที่มีการส่งให้อัพเดทระบบปฏิบัติการเพื่อที่อายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือของเราอาจจะสามารถใช้งานได้นาน 7-10 ปีเลยทีเดียว 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

2 App ที่เหมาะกับการโหลดมาออกแบบบ้าน

เมื่อเรากำลังจะซื้อบ้านใหม่หรือกำลังจะตกแต่งห้องใหม่  สิ่งที่ต้องทำให้เราต้องเสียเงินเพิ่มจาก

การเสียเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านนั้นก็คือการที่เราต้องจ้างอินทีเรียเพื่อมาออกแบบบ้านและห้องของเราให้สวยงามซึ่งการจ้างอินทีเรียนั้นจะต้องใช้เงินจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอินทีเรียคนดังกล่าวนั้นมีชื่อเสียง 

อย่างไรก็ตามในการตกแต่งบ้านหรือในการตกแต่งห้องในคอนโดนั้นปัจจุบันไม่จำเป็นต้องใช้อินทีเรียแล้วเพราะตัวเราเองก็สามารถออกแบบห้องของเราเองให้เหมาะสมกับความต้องการของเราได้

โดยเราสามารถหาผู้ช่วยในการออกแบบและตกแต่งห้องของเราให้สวยงามได้เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่เป็น Application

สำหรับการตกแต่งบ้านและห้องมาไว้ที่มือถือหลังจากนั้นเราก็สามารถทดลองออกแบบห้องตามความต้องการของเราได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินในการจ้างอินเดียอีกต่อไป

สำหรับแอพพลิเคชั่นที่จะแนะนำให้ดาวน์โหลดมาไว้ที่โทรศัพท์มือถือเพื่อทำการลองออกแบบห้องด้วยตนเองนั้นมีด้วยกัน 2 แอพพลิเคชั่น

โดย Application แรกนั้นก็คือ  Madresss  

ซึ่ง Application นี้ใช้ง่ายมากใครที่ไม่เคยมีความรู้ไม่มีทักษะอะไรในการตกแต่งบ้านเลยก็สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้มาใช้งานได้เป็น Application ที่จะช่วยให้คุณตกแต่งห้องของคุณให้มีความสวยงามและตรงความต้องการของคุณได้มากที่สุด

เนื่องจากว่าคุณสามารถที่จะทดลองวาดแบบห้องตามความต้องการของคุณและภาพที่ออกมาให้เห็นนั้นก็เป็นภาพที่สวยงามสมจริงเป็นอย่างมากซึ่งในแอพพลิเคชั่นนี้จะมีภาพเฟอร์นิเจอร์มากมาย

ให้เลือกและยังมีฟังก์ชันอีกมากมายให้ใช้ในการออกแบบห้องโดยข้อเสียของ Application นี้ก็คือจะสามารถใช้งานได้กับเครื่อง Android เท่านั้นซึ่งหากใครยังใช้เป็นระบบ iOS จะไม่สามารถใช้แอพพลิเคชั่นนี้ได้ 

อย่างไรก็ตาม  เครื่องช่วยฟัง     ยังคงมีแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจสำหรับคนใช้งานระบบ iOS แต่จะต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้มาใช้งานซึ่ง Application ที่เรากำลังพูดถึงนี้มีชื่อว่า Floorplans Pro 

โดย Application นี้ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าเป็น Application ที่มีความใช้งานได้ง่ายไม่แตกต่างจาก Application  Madresss  เลย

และที่สำคัญมีเครื่องมือต่างๆมากมายภายใน Application ที่คุณจะสามารถตกแต่งและออกแบบให้ห้องของคุณนั้นสวยงามได้อย่างแน่นอน  

สำหรับ Application   Floorplans Pro   งั้นถึงแม้ว่าจะมีการเปิดให้มีการใช้งานมาตั้งแต่ปี 2019 แล้วก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่มาจนถึงปัจจุบันและถ้าหากจะมีการดาวน์โหลดมาใช้งานจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 529 บาทซึ่งถ้าหากใครสนใจก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้

6  อาหารเร่งไตวาย ทานแล้วอันตรายสุดๆ

โรคไตวายเป็นภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือการบริโภคอาหารบางชนิดที่มีผลกระทบต่อการทำงานของไตอย่างรุนแรง

โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคไตอยู่แล้วหรือผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรัง การรู้จักหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

  1. อาหารเค็มจัด  

อาหารที่มีเกลือสูงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เพราะเกลือมีส่วนในการเพิ่มความดันโลหิต

ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคไต นอกจากนี้ เกลือยังทำให้ไตต้องกรองโซเดียมส่วนเกินออกจากเลือดอย่างหนัก ทำให้ไตอ่อนแอลงและเกิดภาวะไตวายได้ในระยะยาว อาหารที่มีเกลือสูง เช่น อาหารแปรรูป ซอสถั่วเหลือง น้ำปลาต่าง ๆ จึงควรหลีกเลี่ยง

 

  1. โปรตีนสูงเกินไป

แม้ว่าโปรตีนจะเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่การบริโภคโปรตีนในปริมาณมากเกินไป เช่น จากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือผลิตภัณฑ์เสริมโปรตีน

อาจทำให้ไตต้องทำงานหนักในการกรองสารพิษจากการสลายโปรตีน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไตวายได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตอยู่แล้ว

 

  1. อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง

โพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท แต่การบริโภคในปริมาณที่สูงเกินไปจากอาหาร เช่น กล้วย ส้ม อะโวคาโด มะเขือเทศ หรือมันฝรั่ง สามารถทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงขึ้น

ซึ่งไตอาจไม่สามารถขจัดโพแทสเซียมส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางหัวใจและอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

  1. อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง 

ฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุที่มีอยู่มากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ นม และผลิตภัณฑ์จากนม การบริโภคฟอสฟอรัสในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง ซึ่งเป็นภาระให้กับไตในการกรองสารนี้ออกจากร่างกาย เมื่อไตทำงานหนักมากเกินไป อาจเกิดภาวะไตวายเรื้อรังได้

 

  1. อาหารไขมันสูง 

ไขมันอิ่มตัวจากอาหารเช่นเนื้อแดง ไข่แดง และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไตทำงานหนักในการกรองไขมันส่วนเกินออกจากเลือด นอกจากนี้ไขมันสูงยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไตวายเช่นกัน

 

  1. อาหารที่มีสารกันบูดและสารเคมี

อาหารแปรรูปและอาหารสำเร็จรูปมักมีสารกันบูด สารเคมี และสารเติมแต่ง ซึ่งเป็นภาระต่อการทำงานของไตในการขจัดสารพิษเหล่านี้ออกจากร่างกาย การบริโภคเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตวายได้

การดูแลสุขภาพไตไม่เพียงแค่การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผลเสียต่อไตเท่านั้น แต่ยังควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม

และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อป้องกันโรคไตวายและรักษาสุขภาพไตให้แข็งแรงยาวนาน

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    hoiana casino

โรคเริม (Herpes Simplex) 

เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus: HSV) ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ HSV-1 และ HSV-2 ไวรัสนี้สามารถติดเชื้อที่ผิวหนัง ปาก อวัยวะเพศ และบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย

 

ส่งผลให้เกิดตุ่มน้ำเล็กๆ ที่มีลักษณะเจ็บและแสบร้อน ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของโรคเริม

การติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์มีสาเหตุหลักจากการสัมผัสกับน้ำลาย เลือด หรือสารคัดหลั่งอื่นๆ จากผู้ที่ติดเชื้อ ไวรัส HSV-1 มักจะเป็นสาเหตุของเริมที่บริเวณปากหรือที่เรียกว่า “เริมที่ปาก”

ซึ่งสามารถแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสโดยตรง เช่น การจูบหรือการใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดดูด หรือผ้าเช็ดตัว ส่วนไวรัส HSV-2 มักเป็นสาเหตุของเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ

 

หลังจากที่ร่างกายติดเชื้อไวรัสครั้งแรก ไวรัสจะเข้าสู่ระบบประสาทและอยู่ในร่างกายในสภาพซ่อนตัว เมื่อร่างกายอ่อนแอลง เช่น จากการเจ็บป่วย ความเครียด หรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไวรัสจะกลับมาแสดงอาการอีกครั้ง และทำให้เกิดตุ่มน้ำหรือแผลที่บริเวณที่เคยติดเชื้อ

แม้ว่าจะไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาดจากเริมได้ แต่มีวิธีการจัดการกับอาการและป้องกันการแพร่กระจายของโรค ดังนี้:

  1. การใช้ยาต้านไวรัส: ยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ วาลาไซโคลเวียร์ และแฟมไซโคลเวียร์  เป็นยาที่ใช้ในการลดระยะเวลาของการเกิดเริมและช่วยลดความรุนแรงของอาการ ยาเหล่านี้สามารถใช้ได้ทั้งในช่วงที่มีอาการและในช่วงที่ไม่มีอาการเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นใหม่

 

  1. การดูแลตนเองที่บ้าน: การดูแลตนเองเมื่อมีเริมสำคัญมาก ควรทำความสะอาดบริเวณที่มีตุ่มน้ำอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกาที่ตุ่มน้ำ และหากตุ่มน้ำแตก ควรล้างมือหลังสัมผัสเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกจากนี้การพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

 

  1. การหลีกเลี่ยงการแพร่กระจาย: ผู้ที่เป็นเริมควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการชัดเจน เช่น มีตุ่มน้ำหรือแผลเปิด นอกจากนี้ควรใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะไม่มีการแสดงอาการ เพราะเชื้อไวรัสยังสามารถแพร่กระจายได้

 

การป้องกันการติดเชื้อเริมสามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการชัดเจนของโรค เช่น มีแผลที่ปากหรือที่อวัยวะเพศ หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และในกรณีของเริมที่อวัยวะเพศ

ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่สมดุล พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสมก็เป็นวิธีการป้องกันที่สำคัญ

แม้ว่าเริมจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ด้วยการดูแลรักษาที่เหมาะสมและการป้องกันที่ถูกต้อง สามารถลดความรุนแรงของอาการและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

สนับสนุนบทความนี้โดย    Hoiana